คำสั่งแบบจำกัดราคาสามารถลดสลิปเพจได้จริง แต่ใช้เพียงอย่างเดียวดีหรือไม่?
สลิปเพจ (Slippage) คืออะไร ทำไมต้องกังวล?
ใครที่เทรดบ่อย ๆ คงเคยเจอกับ "สลิปเพจ" หรืออาการที่คำสั่งซื้อของเราถูกดำเนินการในราคาที่แตกต่างจากที่ตั้งไว้ ซึ่งปัญหานี้มักเกิดกับ คำสั่งซื้อแบบราคาตลาด (Market Order) เพราะถ้าตลาดมีสภาพคล่องต่ำ คำสั่งของเราอาจไม่สามารถจับคู่ได้ทันทีในราคาที่ต้องการ
แต่สำหรับ คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคา (Limit Order) นั้นต่างออกไป เพราะคำสั่งจะถูกดำเนินการก็ต่อเมื่อถึงราคาที่เรากำหนดเท่านั้น ถ้าไม่มีใครขายหรือซื้อในราคานั้น คำสั่งก็จะยังไม่ถูกดำเนินการ ซึ่งช่วยลดโอกาสเกิดสลิปเพจได้
ดังนั้นจึงมีบางคนสงสัยว่า ถ้าใช้แค่คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคาอย่างเดียวไปเลยดีไหม?
ข้อเสียของการใช้แต่คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคา
แม้ว่าคำสั่งแบบจำกัดราคาจะช่วยลดสลิปเพจ แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกสถานการณ์ มาดูข้อเสียของการใช้แค่คำสั่งประเภทนี้กัน
- อาจพลาดโอกาสเทรดในช่วงตลาดผันผวน : หากมีเหตุการณ์สำคัญทางเศรษฐกิจ เช่น การประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payrolls) หรือข่าวแรง ๆ ที่ทำให้ตลาดผันผวน คำสั่งแบบจำกัดราคาอาจไม่ถูกดำเนินการเลย เพราะราคาวิ่งผ่านไปเร็วมาก ทำให้เราพลาดโอกาสเข้าซื้อหรือขาย
- สภาพคล่องของโบรกเกอร์มีผลต่อการดำเนินการคำสั่ง : บางครั้งโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องต่ำ อาจทำให้คำสั่งซื้อของเราถูกดำเนินการเพียงบางส่วน หรือไม่ถูกดำเนินการเลย ถ้าสภาพคล่องน้อยเกินไป คำสั่งอาจค้างอยู่โดยไม่มีใครมาจับคู่ ทำให้เราเสียโอกาสในการเข้าเทรด
- ช่องว่างของราคา (Price Gap) มีผลต่อ Stop Loss และ Take Profit : สมมติว่าเราตั้ง Stop Loss ไว้ แต่เกิดช่องว่างราคา เช่น ตลาดเปิดกระโดดข้ามราคาที่ตั้งไว้ คำสั่ง Stop Loss ของเราอาจไม่ทำงานทันที ทำให้เราขาดทุนหนักกว่าที่คาด หรือในทางกลับกัน ออเดอร์ที่มีกำไรอาจกลับกลายเป็นขาดทุน
- คำสั่งแบบจำกัดราคาก็มีสลิปเพจได้เหมือนกัน : บางคนอาจคิดว่าใช้คำสั่งจำกัดราคาจะไม่มีสลิปเพจเลย แต่นั่นไม่จริงเสมอไป สมมติเราตั้งขายที่ 2400 ดอลลาร์ แต่ด้วยปัจจัยของตลาด คำสั่งอาจถูกดำเนินการที่ 2399.5 ดอลลาร์ ทำให้เกิดสลิปเพจ 0.5 จุด ซึ่งส่งผลต่อผลกำไรของเรานั่นเอง
แนวทางแก้ปัญหา
1. เลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูง
ปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคาไม่ถูกดำเนินการ มักเกิดจาก สภาพคล่องของโบรกเกอร์
โบรกเกอร์ที่มี สภาพคล่องดี จะมีความต่อเนื่องของราคา (Price Continuity) เช่น EBC ที่มีความลึกของตลาด 5 ระดับ ทำให้ราคามีการเคลื่อนที่อย่างราบรื่น และช่วยลดโอกาสเกิดช่องว่างของราคา
นอกจากด้านสภาพคล่องแล้ว ความกว้างของราคาสภาพคล่อง ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ใช้วัดปริมาณคำสั่งซื้อที่สามารถจับคู่กับแต่ละระดับราคาได้ โดยทั่วไป ยิ่งใกล้กับระดับราคาชั้นแรก ปริมาณคำสั่งซื้อมักลดลง เนื่องจากเป็นราคาต้นทางจากสถาบันการเงินโดยตรง
ตัวอย่างเช่น บนโบรกเกอร์ทั่วไป คำสั่งซื้อที่ระดับราคาชั้นแรกมักอยู่ที่ประมาณ 10 ล็อต แต่ EBC รองรับได้ถึง 40 ล็อต ซึ่งหมายความว่ามีสภาพคล่องที่กว้างกว่า ทำให้สามารถจับคู่คำสั่งซื้อ-ขายได้ดีขึ้นและลดโอกาสการเกิดสลิปเพจ
ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องต่ำอาจมีเพียง 2-3 ระดับราคา และมีความกว้างของสภาพคล่องที่จำกัด หากปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อาจเกิดภาวะสภาพคล่องไม่เพียงพอและช่องว่างของราคา โดยเฉพาะเมื่อตั้งคำสั่งแบบจำกัดราคา (Limit Order) ซึ่งอาจส่งผลโดยตรงต่อกำไรและการควบคุมขาดทุนของนักลงทุน
ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคาหรือราคาตลาด เราก็ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูง
2. ความเร็วในการดำเนินการคำสั่งเป็นสิ่งสำคัญ
ถ้าแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์ช้าหรือระบบไม่เสถียร คำสั่งของเราอาจถูกดำเนินการช้า จะทำให้เกิดสลิปเพจได้
สิ่งที่เราควรพิจารณา ได้แก่:
- จำนวนเซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล
- ความเร็วเฉลี่ยในการดำเนินการคำสั่ง
- ความสามารถในการประมวลผลคำสั่งจำนวนมาก
- เสถียรภาพของระบบ
ตัวอย่างเช่น EBC มีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ที่ ลอนดอน นิวยอร์ก สิงคโปร์ โตเกียว และฮ่องกง พร้อมศูนย์ข้อมูลกว่า 30 แห่ง และมีความเร็วเฉลี่ยในการดำเนินการคำสั่งเพียง 291.2 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วกว่าอุตสาหกรรมทั่วไปที่ 500.2 มิลลิวินาที และรองรับการประมวลผลคำสั่งซื้อสูงสุด 1,000 รายการต่อวินาที พร้อมระบบที่มีเสถียรภาพสูงถึง 98.75%
สรุป – ใช้แต่คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคาอย่างเดียวดีหรือไม่?
คำตอบคือ ไม่ควรใช้แค่คำสั่งประเภทนี้เพียงอย่างเดียว
- คำสั่งซื้อแบบจำกัดราคาช่วยลดสลิปเพจได้ แต่ก็ทำให้เราพลาดโอกาสในการเข้าเทรดเมื่อราคาวิ่งแรง
- ช่องว่างของราคาส่งผลต่อคำสั่ง Stop Loss และ Take Profit ทำให้เกิดความเสี่ยง
- แม้จะเป็นคำสั่งจำกัดราคา แต่ก็มีโอกาสเกิดสลิปเพจได้
- การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและดำเนินการคำสั่งได้เร็ว เป็นปัจจัยสำคัญกว่าการใช้คำสั่งประเภทไหน
ดังนั้น แทนที่เราจะพึ่งพาแต่คำสั่งแบบจำกัดราคา สิ่งที่สำคัญกว่าคือการเลือกโบรกเกอร์ที่มีความเร็วสูงและสภาพคล่องดี เพื่อให้การเทรดลื่นไหลและลดความเสี่ยงจากสลิปเพจได้มากที่สุด

Comments
Post a Comment