โบรกเกอร์ปลอดภัยหรือไม่? เช็กสิ่งสำคัญเหล่านี้ก่อนตัดสินใจ!
เมื่อเราทำการเลือกโบรกเกอร์สำหรับการเทรดนั้น การพิจารณาความปลอดภัยมักจะเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด โดยเรามักจะให้ความสำคัญกับใบอนุญาตการกำกับดูแล การแยกบัญชี และความสามารถในการฝาก-ถอนเงิน
นอกจากการตรวจสอบพื้นฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยของโบรกเกอร์แล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม แล้วมีอะไรบ้างที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม? มาหาคำตอบไปพร้อมกันในวันนี้!
1. คุณสมบัติของธนาคารที่รับฝากเงินทุน
เหตุการณ์การล้มละลายของธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา และตามมาด้วยการล้มละลายของธนาคารเครดิตสวิส ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของคุณสมบัติของธนาคารที่รับฝากเงินทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการลงทุน
ธนาคารที่รับฝากเงินทุนไม่ใช่ทุกธนาคารจะมีคุณสมบัติและความน่าเชื่อถือเท่ากัน การเลือกโบรกเกอร์ที่มีธนาคารรับฝากที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับโลกนั้นจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการลงทุนของเรา
ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC ที่ใช้ธนาคาร BARCLAYS จากสหราชอาณาจักรเป็นธนาคารรับฝากทรัพย์สิน ซึ่งถือเป็นธนาคารที่มีอิทธิพลในระดับโลก และได้รับการกำกับดูแลจาก FCA ของสหราชอาณาจักร ซึ่งช่วยให้โบรกเกอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ ธนาคารชั้นนำอย่าง BARCLAYS มักจะมีข้อกำหนดในการเปิดบัญชีที่สูง ซึ่งก็สามารถสะท้อนถึงความสามารถของโบรกเกอร์ได้ในระดับหนึ่ง และช่วยให้เราสามารถคัดเลือกโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพได้ดียิ่งขึ้น
2. การเข้าถึงข้อมูลและความเสถียร
การเข้าถึงข้อมูลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญสำหรับการคุ้มครองข้อมูลและคำสั่งการเทรดของเรา โดยปกติแล้วโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยจะใช้การเข้ารหัส SSL ที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลของเราได้รับผลกระทบจากบุคคลภายนอก หนึ่งในข้อดีของ SSL คือสามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้ง่ายผ่านเครื่องหมาย SSL certificate ถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบเครื่องหมายนี้ ควรระวังว่าโบรกเกอร์นั้นอาจไม่ปลอดภัย การเข้ารหัส SSL โดยปกติจะใช้แบบ 256-bit ซึ่งมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ใช้ทรัพยากรค่อนข้างมาก จนอาจทำให้แพลตฟอร์มช้าลงได้ ดังนั้น โบรกเกอร์ที่ดีควรมีการเสริมสร้างฮาร์ดแวร์เพื่อให้ระบบทำงานได้รวดเร็วและเสถียร
ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ EBC ซึ่งได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูงในห้าศูนย์กลางการเงินที่สำคัญทั่วโลก และมีศูนย์ข้อมูลมากถึง 30 แห่ง ทำให้สามารถดำเนินการคำสั่งได้ภายในเวลาเพียง 20 มิลลิวินาที และยังมีความเสถียรของระบบถึง 98.75% ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจในความปลอดภัยและความลับในการเทรดมากยิ่งขึ้น
3. ระบบการคุ้มครองหลายชั้น
เมื่อพูดถึงการคุ้มครองการลงทุน หลายคนคงคุ้นเคยกับแผนชดเชย FSCS ที่ให้การคุ้มครองสูงสุดถึง 85,000 ปอนด์จาก FCA ซึ่งได้รับความนิยมหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อการเคลื่อนไหวของสกุลเงินฟรังก์สวิส (Swiss Franc) ส่งผลกระทบกับหลายโบรกเกอร์ที่มีการคุ้มครองจาก FSCS และผู้ใช้บริการได้รับการชดเชยในระดับต่าง ๆ โดย FCA ชดเชยค่าความเสียหายรวมหลายล้านปอนด์ในปีนั้น
อย่างไรก็ตาม การคุ้มครองจากหน่วยงานกำกับดูแลนั้นมักมีขอบเขตที่จำกัด หรืออาจมีวงเงินคุ้มครองที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการประกันเพิ่มเติม เช่น ประกัน PI หรือกองทุนชดเชย EDR เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น EBC ที่ซื้อประกันจาก Lloyd’s และ Aon พร้อมวงเงินคุ้มครองสูงถึงหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังเข้าร่วมกับ The Financial Commission ซึ่งให้การคุ้มครองสูงสุด 20,000 ยูโร ต่อเหตุการณ์ ข้อบังคับประกันของ EBC ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องชดเชย จะสามารถจ่ายได้สูงสุดถึง 350,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหตุการณ์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้
สรุป
การเลือกโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยนั้นไม่ได้หมายถึงแค่การมีใบอนุญาตหรือการตรวจสอบการฝาก-ถอนเงิน แต่ยังรวมถึงการพิจารณาคุณสมบัติของธนาคารที่รับฝากทรัพย์สิน การใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ปลอดภัย และระบบการคุ้มครองที่หลากหลาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรามั่นใจในความปลอดภัยของการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น
Comments
Post a Comment