ผลกระทบต่อการเทรดของเราเมื่อโบรกเกอร์ขนาดใหญ่เลิกใช้ White Label

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ การที่โบรกเกอร์ขนาดใหญ่บางแห่งเริ่มตัดสินใจยุติการให้บริการในรูปแบบ White Label

สาเหตุที่คนให้ความสนใจคือ บางคนอาจใช้บริการโบรกเกอร์ที่เป็น White Label โดยไม่รู้ตัว หากโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ยุติการให้บริการนี้ จะส่งผลกระทบต่อการเทรดของพวกเราหรือไม่? วันนี้เรามาหาคำตอบกัน

1. ทำไมโบรกเกอร์ขนาดใหญ่ถึงเลิกใช้ White Label?

เหตุผลแรกคือ ปัญหาการกำกับดูแลทั้งทางตรงและทางอ้อม

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง White Label และ Main Label คือ White Label ไม่จำเป็นต้องลงทุนในระบบหรือฮาร์ดแวร์เอง แต่สามารถสร้างโบรกเกอร์ได้ด้วยต้นทุนต่ำ และยังให้บริการราคากับสภาพคล่องในตลาดที่เทียบเท่ากับ Main Label

ดังนั้น White Label สามารถดำเนินการด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม White Label มีข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบจาก Main Label ดังนั้น ความสอดคล้องตามกฎระเบียบทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของ Main Label โดยตรง พฤติกรรมบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนดของโบรกเกอร์แบบ White Label จะไม่ได้รับการตรวจพบอย่างทันที จึงทำให้ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อ Main Label และผู้ใช้งาน

เหตุผลที่สองคือ การกำกับดูแลและการตรวจสอบ

ลักษณะเฉพาะของ White Label ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลให้ความสนใจมากขึ้น และการตรวจสอบความสอดคล้องตามกฎระเบียบก็เข้มงวดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หมายความว่า Main Label ที่ต้องการให้บริการ White Label จะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น และยังต้องบริหารความเสี่ยงของ White Label ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา MetaQuotes ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบ White Label รวมถึงการยืนยันตัวตน ซึ่งทำให้การขอใช้บริการ White Label ยากขึ้น

เหตุผลที่สามคือ White Label มีสิทธิ์เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของ Main Label เพียงบางส่วน

กล่าวคือ White Label ไม่สามารถให้บริการฟังก์ชันแบบกำหนดเองได้ เนื่องจากมีสิทธิ์เข้าถึงระบบเพียงบางส่วน โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิธีการเทรดที่หลากหลายและฟังก์ชันที่แตกต่างกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการแสดงศักยภาพของโบรกเกอร์ ส่งผลให้โบรกเกอร์ขนาดใหญ่บางแห่งหันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของตนเองมากยิ่งขึ้น

2. ผลกระทบต่อการเทรดของเรา

การที่โบรกเกอร์ขนาดใหญ่เลิกใช้ White Label หมายความว่าเราจำเป็นต้องระมัดระวังมากขึ้นในการเลือกโบรกเกอร์การเทรด

เราควรเริ่มจากการตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ที่เราใช้อยู่นั้นเป็น Main Label หรือ White Label หากเลือกใช้ White Label สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบสถานะของ Main Label หาก Main Label ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดและมีชื่อเสียงในตลาด โบรกเกอร์นั้นก็ถือว่ายังน่าเชื่อถืออยู่

วิธีตรวจสอบว่าเป็น Main Label หรือไม่?

ภายใต้การกำกับดูแลของ FCA เช่น EBC ที่เราใช้งานอยู่นั้น เมื่อนำรหัส 927552 ไปค้นหาในหน้ารายละเอียด จะพบว่า Firm Status และ Type ระบุว่า "Authorised" และ "Regulated" ซึ่งแสดงให้เห็นว่า EBC เป็น Main Label

หาก status เป็น “Appointed Representative (AR)” หมายความว่าเป็น White Label

สิ่งสำคัญที่ต้องระวังคือ หากมีคำว่า "Introducer" อยู่หลัง "Appointed Representative" หมายความว่าเป็นใบอนุญาตที่ใช้เพื่อการแนะนำเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ในการให้บริการเทรด หากมีการเสนอให้เปิดบัญชีคุณควรระมัดระวัง

วิธีการคัดกรองโบรกเกอร์

1. เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการแนะนำจาก MetaQuotes

ไม่ว่าจะเป็น Main Label หรือ White Label MetaQuotes ในฐานะผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวดอยู่เสมอ ดังนั้นโบรกเกอร์ที่ได้รับการแนะนำจาก MetaQuotes มักจะน่าเชื่อถือและส่วนใหญ่จะเป็น Main Label

ในเว็บไซต์ของ MetaQuotes จะมีหน้า "Find Broker" ซึ่งแสดงรายการโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองจาก MetaQuotes

ตัวอย่างเช่น EBC ซึ่งเป็นโบรกเกอร์แรกในหน้าเว็บไซต์นั้น แสดงถึงคุณภาพที่ได้รับการยืนยันจาก MetaQuotes โดยสามารถคลิกลิงก์จาก MetaQuotes เข้าสู่เว็บไซต์ของ EBC เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม

2. เลือกโบรกเกอร์ที่มีฟังก์ชันครบครัน

เราได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้นว่า White Label มีข้อจำกัดด้านสิทธิ์การเข้าถึง จึงไม่สามารถให้บริการฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ เช่น การล็อกตำแหน่ง การใช้งาน Expert Advisors (EA) หรือการให้บริการบัญชีแบบ STD และ ECN ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้ Main Label มักจะแสดงไว้อย่างครบถ้วน เราสามารถใช้ข้อมูลนี้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ

สรุป

White Label มีบทบาทสำคัญในการขยายตลาดและเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ใช้งานจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ฟังก์ชันมีการปรับแต่งได้และความเสถียรของระบบมีความสำคัญมากขึ้น Main Label จึงได้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพการให้บริการของตนเอง

ดังนั้น เมื่อเลือกโบรกเกอร์ เราควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ตามความต้องการของเราเอง