ทำไมการเทรดหุ้นสหรัฐฯ ผ่าน CFD ถึงดีกว่า? วิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย
ช่วงนี้มีหลายคนให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ แต่ยังสับสนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและข้อกำหนดในการเทรด ทำให้เกิดคำถามว่า ควรเริ่มต้นลงทุนอย่างไรและหุ้นตัวไหนที่เหมาะสมที่สุด?
หนึ่งในคำตอบที่น่าสนใจคือ การลงทุนผ่าน CFD หุ้นสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและยืดหยุ่น ด้วยเหตุผลสำคัญ 3 ข้อดังนี้ :
1. การซื้อขายแบบ T+0 ที่แท้จริง
การซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีข้อจำกัดเรื่องการซื้อขายแบบ T+0 ดังนี้ :
1. 1 บัญชีเงินสด (Cash Account) :
- บัญชีนี้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องเงินทุน แต่ใช้กฎ T+3 (มีรายงานว่ากำลังปรับเป็น T+2) หมายความว่าหลังจากที่คุณซื้อหุ้น คุณจะต้องรอ 3 วันก่อนจะสามารถขายหุ้นนั้นได้ มิฉะนั้นถือว่าละเมิดกฎการซื้อขาย
- ต้องมีเงินทุนขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์ เพื่อเปิดบัญชี
- หากมูลค่าบัญชีต่ำกว่า 25,000 ดอลลาร์ : สามารถทำการซื้อขายแบบ T+0 ได้เพียง 3 ครั้ง ภายใน 5 วันทำการ นอกเหนือจากนี้ การซื้อขายจะเปลี่ยนเป็นแบบ T+1 (ซื้อวันนี้ ขายได้วันถัดไป) และหากฝ่าฝืนข้อกำหนด อาจถูกห้ามทำการซื้อขาย หรือบัญชีอาจถูกเปลี่ยนสถานะเป็นบัญชีเงินสด (Cash Account)
- หากต้องการทำการซื้อขายแบบ T+0 ได้อย่างไม่จำกัดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ บัญชีต้องมีมูลค่าเกิน 25,000 ดอลลาร์
2. การซื้อขายสองทิศทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
แม้ว่าหุ้นสหรัฐฯ จะสามารถซื้อขายได้ทั้งในทิศทางขึ้นและลง (ซื้อและขายชอร์ต) แต่การขายชอร์ตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีข้อจำกัดบางประการ (ในที่นี้เรากำลังเปรียบเทียบระหว่างการขายชอร์ตผ่านบัญชีมาร์จิ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับการขายชอร์ตผ่าน CFD โดยไม่รวมเครื่องมืออย่างออปชัน ฟิวเจอร์ส หรือ ETF)
ข้อกำหนดสำคัญสำหรับการขายชอร์ตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
- การยื่นขอขายชอร์ต ต้องใช้บัญชีที่มีมูลค่าอย่างน้อย 2,000 ดอลลาร์ แต่ในทางปฏิบัติ ข้อกำหนดอาจสูงกว่านี้มากเนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ
- การขายชอร์ตต้องอาศัยหุ้นจริง หากโบรกเกอร์ไม่มีหุ้นในมือ คุณจะไม่สามารถยืมหุ้นมาขายได้ และเมื่อยืมหุ้นมาแล้ว คุณยังต้องรอให้มีผู้ซื้อในตลาดก่อนจึงจะขายได้ ทำให้เงื่อนไขค่อนข้างเข้มงวด
- การขายชอร์ตมีระยะเวลากำหนด คุณต้องปิดสถานะและซื้อหุ้นคืนเพื่อนำไปคืนโบรกเกอร์ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ทำตาม คุณอาจถูกบังคับปิดสถานะ
บนโบรกเกอร์ EBC เพียงแค่เปิดบัญชีก็สามารถขายชอร์ตและทำกำไรจากส่วนต่างของราคาได้ทันที โดยไม่ต้องขายหุ้นจริง อีกทั้งยังสามารถถือสัญญาได้ไม่จำกัดเวลา ด้วยสภาพคล่องสูงของโบรกเกอร์ ทำให้การซื้อขายดำเนินการได้อย่างอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ในแง่ของต้นทุนการซื้อขาย CFD หุ้นสหรัฐฯ ยังมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน
ตามกฎปัจจุบัน การขายชอร์ตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีค่าธรรมเนียมสูงถึง 20% ซึ่งสูงกว่าการซื้อขายทั่วไปอย่างมาก แต่สำหรับ CFD หุ้นสหรัฐฯ คุณจ่ายเพียงค่า Spread และค่าธรรมเนียมเล็กน้อย ทำให้ต้นทุนถูกลงอย่างมาก
การขายชอร์ตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น หากราคาหุ้นลดลงเกิน 10% ในวันเดียว จะถูกห้ามขายชอร์ตทันที แม้ว่าหุ้นจะยังมีแนวโน้มลดลงจากปัจจัยพื้นฐาน แต่สำหรับ CFD หุ้นสหรัฐฯไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้ เนื่องจากการทำกำไรขึ้นอยู่กับค่า Spread หากคุณคาดการณ์ทิศทางได้ถูกต้อง คุณสามารถทำกำไรจากการขายชอร์ตได้อย่างต่อเนื่อง
3. ภาษีและเงินปันผล
ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นอกจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายแล้ว นักลงทุนต้องชำระภาษีเงินปันผลและภาษีดอกเบี้ย แต่สำหรับ CFD หุ้นสหรัฐฯ ซึ่งไม่ได้ถือหุ้นจริง คุณไม่จำเป็นต้องเสียภาษีเหล่านี้
ที่สำคัญ CFD หุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับสิทธิประโยชน์จากเงินปันผลเหมือนกับการถือหุ้นจริง หากคุณถือสัญญา CFD จนถึงวันก่อนหน้าวันจ่ายปันผล คุณจะได้รับเงินปันผลในวันจ่ายปันผลเช่นกัน
สรุป
CFD หุ้นสหรัฐฯ มีข้อจำกัดน้อยกว่า ใช้เงินเริ่มต้นน้อยกว่า และไม่ต้องจ่ายภาษีจากเงินปันผล แต่ยังคงได้รับผลตอบแทนจากปันผลเหมือนการถือหุ้นจริง
หากคุณกำลังมองหาช่องทางการลงทุน CFD หุ้นสหรัฐฯ เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และที่สำคัญควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องสูงและครอบคลุมหุ้นชั้นนำอย่าง EBC
Comments
Post a Comment