หุ้นสหรัฐฯ เป็นการเทรดแบบ T+0 หรือไม่?

ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นได้รับความสนใจมากขึ้น และมีคำถามเกี่ยวกับหุ้นสหรัฐฯ เกิดขึ้นไม่น้อยเลย โดยคำถามส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการเทรดหุ้นสหรัฐฯ ว่าเป็นการเทรดแบบ T+0 หรือไม่ และมีวิธีใดบ้างที่เราสามารถเข้าร่วมการเทรดได้ วันนี้เราจะมาตอบคำถามนี้กัน

1. การเทรดหุ้นสหรัฐฯ และ T+0

จริงๆ แล้วหุ้นสหรัฐฯ ใช้การเทรดแบบ T+0 จริง แต่เป็น T+0 แบบมีเงื่อนไข

ปัจจุบันการเทรดหุ้นสหรัฐฯ มีบัญชี ประเภท :

 บัญชีเงินสด บัญชีนี้ใช้ระบบการชำระเงินแบบ T+1

ยกตัวอย่างง่ายๆ  สมมติว่าเราใช้เงิน 100,000 ดอลลาร์ ซื้อหุ้นในวันนี้ แล้วขายออกไปในวันเดียวกัน โดยขายได้ 110,000 ดอลลาร์ เงินที่เราต้องใช้ในการชำระก็คือ 110,000 ดอลลาร์ นั่นหมายความว่าเราจะไม่สามารถเอาเงิน 110,000 ดอลลาร์ไปใช้ในการเทรดได้ทันที ต้องรอจนถึงวันถัดไป เงินจากการขายจะถูกแช่แข็งไว้ วันก่อนถึงจะเอามาใช้ได้

การเทรดแบบ T+0 ในบัญชีเงินสด คือคุณสามารถซื้อหุ้นในวันเดียวกันและขายได้ในวันเดียวกัน แต่ต้องระวังว่าอาจมีระยะเวลารอระหว่างการทำรายการทั้งสองครั้ง

ถ้าคุณซื้อและขายในวันเดียวกันแล้วก็ซื้อใหม่อีกครั้ง การซื้อครั้งที่สองจะถือว่าเป็นการใช้เงินที่ยังไม่ได้ทำการชำระ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎ ทุกบัญชีจะสามารถทำผิดกฎได้แค่ ครั้งใน 12 เดือน ถ้าผิดกฎครั้งที่ ก็จะถูกจำกัดการเทรดไป 90 วัน

บัญชีนี้จะไม่มีการใช้เลเวอเรจ

 บัญชีมาร์จิน

บัญชีมาร์จินก็ใช้การชำระเงินแบบ T+1 เช่นกัน แต่แตกต่างตรงที่บัญชีมาร์จินจะมีโอกาส T+0 3 ครั้งในช่วง วัน หมายความว่าใน วันนั้น คุณมี ครั้งที่สามารถซื้อและขายได้ในวันเดียวกัน

แต่ว่าถ้าเกิน ครั้ง คุณจะถูกระงับการซื้อขายเป็นเวลา 3 วันทำการ และจะถูกโอนไปยังบัญชีเงินสด

บัญชีประเภทนี้มีข้อกำหนดเงินทุนอยู่ระหว่าง 2,000 25,000 ดอลลาร์ และต้องมีประสบการณ์การลงทุนในระดับหนึ่ง โดยปกติแล้วเลเวอเรจจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 เท่า

 บัญชีเทรดแบบวันเดียว

บัญชีประเภทนี้สามารถซื้อและขายได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อจำกัดจำนวนครั้ง แต่ข้อกำหนดเงินทุนอยู่ที่ 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูง และเลเวอเรจจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 เท่าเช่นกัน

ดังนั้น บัญชีเทรดแบบวันเดียวจึงถือเป็นบัญชี T+0 ที่แท้จริง แต่มีข้อกำหนดที่ค่อนข้างสูงและเลเวอเรจต่ำ หากคุณต้องการเทรดได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งด้วยต้นทุนต่ำและยังสามารถใช้เลเวอเรจสูงได้ คุณจะต้องใช้แพลตฟอร์มการเทรดที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

อย่างแพลตฟอร์ม EBC ที่เราใช้อยู่นั้นสามารถให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 500 เท่า และมีข้อกำหนดเงินทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 110 ดอลลาร์ ทำให้สามารถเข้าร่วมการเทรดได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก นอกจากนี้ EBC ยังรองรับการใช้ EA (Expert Advisors) ได้ดีด้วย ทำให้สามารถใช้กลยุทธ์ที่หลากหลายในการเทรดได้เลย

2. วิธีการเข้าร่วมหุ้นสหรัฐฯ

เมื่อเทียบกับการเทรดหุ้นตัวเดียว เราขอแนะนำให้เทรดผ่านดัชนีหุ้นจะดีกว่า

เนื่องจากมีหุ้นตัวเดียวนั้นมีตัวเลือกที่เยอะมาก และยังต้องคำนึงถึงการหมุนเวียนของกลุ่มอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงของหุ้นตัวหลัก หากคุณไม่สามารถเลือกกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นที่แข็งแกร่งได้ก็จะยากที่จะทำกำไร ซึ่งต้องใช้เวลาที่ยาวนานในการติดตามหุ้นบางตัวเพื่อหาวิธีทำกำไร

ดังนั้น การลงทุนในดัชนีหุ้น โดยการติดตามหุ้นที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในตลาด จะทำให้การลงทุนของเราง่ายขึ้นมาก เช่น ดัชนีดาวโจนส์ที่ตั้งแต่ปี 1897 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงมีแนวโน้มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการติดตามระยะยาว

ดัชนีดาวโจนส์



อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการเทรดผ่านตลาดหลักทรัพย์ การเข้าร่วมการเทรดผ่านแพลตฟอร์มการเทรดที่มืออาชีพนั้น ก็ยังมีสิ่งที่ต้องระวัง โดยหลัก ๆ เราต้องระวังในเรื่องดังนี้

 การกำกับดูแลของแพลตฟอร์ม

ต้องเลือกแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวด โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานอย่าง FCA ของอังกฤษ หรือ ASIC ของออสเตรเลีย

อย่างเช่น EBC นั้นมีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลใหญ่ๆ อย่าง FCA จากอังกฤษ, ASIC จากออสเตรเลีย และ CIMA จากหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งช่วยให้ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของการเงิน ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่าเงินของเราจะถูกเก็บแยกต่างหากในธนาคาร Barclays ของอังกฤษ ทำให้เงินทุนของเราถูกปกป้องในระดับที่ดีที่สุด 

การกำกับดูแลของแพลตฟอร์ม



 ต้นทุนการเทรด

หากคุณไม่คำนึงถึงต้นทุนการเทรด คุณจะขาดแนวทางในการกำหนดจุดเข้าซื้อหรือขายที่ชัดเจน ซึ่งในกรณีของการลงทุนที่ต้องการความแม่นยำสูงเช่นการเทรดแบบนี้ อาจส่งผลเสียต่อผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมาก

ปัจจุบันแพลตฟอร์มที่มีต้นทุนการเทรดต่ำที่สุดในดัชนีหุ้นก็คือ EBC เช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากที่ EBC ได้เพิ่มสภาพคล่องแล้ว โดยสเปรดของดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ตัวดัชนี A50 และดัชนีฮั่งเส็งอยู่ที่ระดับต่ำสุดในอุตสาหกรรมทั้งหมด

เป็นที่น่าสังเกตว่าสเปรดของดัชนีหุ้นหลักทั้ง ของสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์ม EBC นั้นน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าด้านราคาของ EBC
 
 การฝากและถอนเงินที่ยืดหยุ่น

ธุรกรรมใด ๆ จะไม่มีความหมาย หากคุณไม่สามารถทำกำไรได้ ไม่ว่าการคาดการณ์จะดีแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นการฝากและถอนเงินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

ถึงแม้ว่าการฝากถอนเงินภายใน 24 ชั่วโมงจะเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าถ้าฝากถอนเงินได้เร็วขึ้นก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินของเราจะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น แพลตฟอร์ม EBC ที่ฝากเงินได้เร็วภายใน 10 นาที ถ้าฝากก่อน 16:00 น. ของวันทำการ และถอนเงินได้ภายใน ชั่วโมง

โดยรวมแล้ว ถ้าไม่ใช่บัญชีเทรดแบบวันเดียว การเทรดหุ้นสหรัฐแบบ T+0 จะมีข้อจำกัดนิดหน่อย ดังนั้นการใช้แพลตฟอร์มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า นอกจากนี้ หากคุณไม่มั่นใจในหุ้นรายตัว การติดตามแนวโน้มระยะยาวผ่านดัชนีหุ้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น ดังนั้น แพลตฟอร์ม EBC จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเรื่องนี้

 

Comments

Popular posts from this blog

วิธีตรวจสอบโบรกเกอร์ให้ปลอดภัยด้วยใบอนุญาตจาก FCA

ต้นทุนแฝงในการเทรดมีอะไรบ้างและเราสามารถหลีกเลี่ยงได้หรือไม่?

2 วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ