2 วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
เช้าวันนี้เปิดข่าวมาเจอดัชนีหุ้นสามตัวหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นสูงอีกครั้ง โดยเป็นดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นวันที่สามติดต่อกัน
ต้องบอกเลยว่าความคาดหวังในการลดภาษีของทรัมป์มีผลขึ้นทันที หากนโยบายที่เป็นประโยชน์ยังคงดำเนินต่อไป การปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตก็เป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้
ในที่นี้ขอพูดถึงข้อมูลที่อาจมีบางคนมองข้ามไป นั่นคือ MSCI USA ซึ่งติดตาม 50 หุ้นที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ได้แซงหน้าทองคำไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในปีนี้ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าในระยะสั้น ความได้เปรียบเมื่อเทียบกับทองคำอาจขยายตัวมากขึ้นอีก
ซึ่ง 2 วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้นมีดังนี้
ซึ่ง 2 วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าร่วมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯนั้นมีดังนี้
1. ลงทุนใน “ หุ้น 7 นางฟ้า” ของสหรัฐฯ
วิธีแรกคือการลงทุนหุ้นสหรัฐฯ โดยตรง
อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าอย่างน้อยคุณควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น หุ้นที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังได้รับความสนใจ เพื่อหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ผิดพลาด
แน่นอนว่าหากคุณรู้สึกว่าการเริ่มต้นเทรดหุ้นนั้นอาจจะยาก วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกลงทุนใน “หุ้น 7 นางฟ้า”ของสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ Nvidia, Apple, Microsoft, Google, META, Amazon และ Tesla หุ้นเหล่านี้ถึงแม้คุณอาจไม่เคยลงทุนมาก่อน แต่เชื่อว่าอย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยินชื่อมาบ้าง เพราะเป็นหุ้นที่มีศักยภาพสูงมาก
ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 ดัชนี S&P 500 ประมาณสองในสามของการเติบโตของดัชนีมาจากการมีส่วนร่วมของหุ้น 7 นางฟ้า ซึ่งสามารถเห็นได้จากผลประกอบการที่ดีของบริษัทเหล่านี้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือในปีนี้ Nvidia ได้เพิ่มขึ้นสะสมถึง 170% แล้ว และหากดูในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Apple ก็ทำสถิติปิดราคาสูงสุดติดต่อกัน 4 วัน
นอกจากนี้ หลังจากที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งยังเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อหุ้นเทคโนโลยี ดังนั้น หากคุณไม่รู้จะลงทุนในไหน "หุ้น 7 นางฟ้า" คือการลงทุนที่ง่ายที่สุด
ซึ่งเป็นการยืนยันถึงโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แพลตฟอร์ม EBC ก็ได้เปิดตัวการซื้อขาย CFD ของหุ้นสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังรวมถึง “หุ้น 7 นางฟ้า”ของสหรัฐฯ ด้วย
เมื่อเทียบกับการเปิดบัญชีหุ้นสหรัฐฯ โดยตรง การซื้อขาย CFD ของหุ้นสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์ม EBC สามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบสองทิศทาง และยังสามารถใช้เลเวอเรจเพื่อขยายทุนได้ สำหรับหุ้นบางตัวที่มีราคาสูง การใช้ CFD จึงเป็นโอกาสที่ช่วยให้ผู้ลงทุนที่มีทุนน้อยสามารถเข้าร่วมการเทรดได้
จุดสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การซื้อขาย CFD ของหุ้นสหรัฐฯ บนแพลตฟอร์ม EBC สามารถได้รับเงินปันผลได้เช่นกัน โดยหากถือสัญญาในวันกำหนดขึ้นทะเบียนผู้มีสิทธิ์รับปันผล ผู้ลงทุนจะได้รับรายได้จากเงินปันผลตามไปด้วย
2. การลงทุนในดัชนีหุ้นสหรัฐ ฯ
หากคุณรู้สึกว่าการเลือกหุ้นนั้นยาก วิธีที่ง่ายกว่าคือการลงทุนในดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ตราบใดที่ดัชนีโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น การติดตามดัชนีหุ้นสหรัฐฯ แบบ Passive ก็สามารถให้ผลตอบแทนระยะยาวได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ปี 2008 ดัชนี S&P 500 อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น และการปรับตัวลดลงที่ดูเหมือนลึกในบางช่วง แต่เมื่อมองในระยะยาวแล้ว การลดลงโดยรวมกลับมีขอบเขตที่จำกัด หากคุณเป็นนักลงทุนที่เน้นความมั่นคง การลงทุนในดัชนีหุ้นถือเป็นทางเลือกที่ดี
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของการลงทุนในดัชนีหุ้นนั้นค่อนข้างชัดเจน เพราะดัชนีหุ้นติดตามตลาดทั้งหมด ซึ่งในตลาดมีทั้งหุ้นที่ดีและไม่ดี เมื่อเฉลี่ยผลตอบแทนออกมา อาจไม่โดดเด่นเท่ากับการลงทุนในหุ้นที่แข็งแกร่งบางตัว
คำแนะนำคือควรใช้เลเวอเรจอย่างมีความระมัดระวัง และเลือกใช้แพลตฟอร์มที่มีต้นทุนต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม EBC ที่ใช้อยู่นั้นได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับดัชนีหุ้นที่ได้รับความนิยม โดยการลดสเปรดการเทรดลงอย่างมาก โดยเฉพาะสเปรดของดัชนี Nasdaq ที่ลดลงถึง 85% ซึ่งช่วยให้เราสามารถจับโอกาสในการเข้าร่วมการลงทุนได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ EBC Group ยังมีการเสนอตัวเลือกเลเวอเรจสูงสุดถึง 100 เท่าสำหรับการลงทุนในดัชนี ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าร่วมโอกาสในการเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเงินทุนเพียงเล็กน้อย
ข้างต้นที่กล่าวมานั้นคือ 2 วิธีในการเข้าร่วมลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนอย่างระมัดระวัง ขณะที่หุ้นรายตัวเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความกระตือรือร้นในการลงทุน แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน สิ่งสำคัญคือการควบคุมความเสี่ยงและลดต้นทุนให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้สูงสุด
Comments
Post a Comment