ผลิตภัณฑ์ใดบ้างที่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่?
หากคุณพึ่งเริ่มต้นในการเทรด นอกเหนือจากการเลือกแพลตฟอร์มแล้ว ยังต้องเจอกับคำถามอีกว่า จะเทรดในผลิตภัณฑ์ไหนดี?
แล้วสินค้าประเภทไหนบ้างที่เหมาะกับนักเทรดมือใหม่ และมีอะไรที่นักเทรดมือใหม่ควรให้ความสำคัญอีกบ้าง? ในที่นี้เราจะใช้ตัวอย่างจากแพลตฟอร์ม EBC มาอธิบาย โดยจะแบ่งสินทรัพย์ออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนี พร้อมคำอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
ตลาดฟอเร็กซ์เป็นตลาดการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน
ปัจจุบันคู่สกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด ได้แก่ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/USDและคู่สกุลเงินข้ามอย่าง GBP/JPY
①เลือกเทรดคู่สกุลเงินที่ไม่ต้องผ่านการแลกเปลี่ยนหลายขั้นตอน
②เลือกคู่สกุลเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูง
③หากคุณเพิ่งเริ่มต้นเทรด ควรเลือกคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนต่ำด้วย
คู่สกุลเงิน EUR/USD ตรงตามเงื่อนไขทั้งหมดข้างต้น โดยมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ถึง 22.7% และยังเป็นสกุลเงินสำรองรองจากดอลลาร์สหรัฐ โดยมีความผันผวนที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้จับทิศทางได้ง่ายขึ้น
แน่นอนว่าอีกหนึ่งจุดสำคัญคือ EUR/USD มีสเปรดที่ค่อนข้างต่ำ และบางแพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องสูง เช่น แพลตฟอร์ม EBC ที่สามารถมีสเปรดของ EUR/USD ต่ำถึง 0 ได้
จากการดูราคาแบบเรียลไทม์บนเว็บไซต์ทางการของ EBC จะเห็นว่า สเปรดของ EUR/USD ทั้งในระดับชั้นแรกและชั้นสองนั้นเป็น 0 ซึ่งจริงๆ แล้วสเปรดที่ต่ำที่สุดมักจะอยู่ในชั้นแรก เท่านี้ก็สามารถแสดงให้เห็นถึงระดับสภาพคล่องและความคุ้มค่าของราคาจาก EBC
จริงๆ แล้ว USD/JPY เคยเป็นคู่สกุลเงินที่เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่มาก ๆ แต่หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย USD/JPY จึงมีความผันผวนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้จับทิศทางได้ยาก ดังนั้น แนะนำให้รอให้ตลาดปรับตัวหลังจากผลกระทบก่อน แล้วค่อยเลือกจังหวะเข้าไปเทรด
2. สินค้าโภคภัณฑ์
สินค้าโภคภัณฑ์นั้นมีหลากหลายมาก เช่น น้ำมันดิบ, โลหะพื้นฐานอย่างเหล็ก, ทองแดง, เหล็กกล้า (กลุ่มสีดำ), โลหะมีค่าอย่างทองคำและเงิน, รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น โกโก้, กาแฟ เป็นต้น
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นการเทรด ควรเลือก :
① สินค้าโภคภัณฑ์ที่เข้าใจง่าย
② สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
ต่างจากคู่สกุลเงินตรงที่สินค้าโภคภัณฑ์นั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราและมักได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสินค้าโภคภัณฑ์เองด้วย ตัวอย่างเช่น เมื่อเทรดแร่เหล็ก คุณต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ถ่านโค้กและถ่านหิน, ความต้องการเหล็กในตลาดปลายทาง และนโยบายของประเทศเกี่ยวกับการลดการปล่อยคาร์บอน หากคุณไม่เข้าใจปัจจัยเหล่านี้ การเทรดแร่เหล็กจะถือเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ
อีกอย่างคือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งบางครั้งมันยากที่จะระบุได้ว่าเป็นแนวโน้มที่ชัดเจน เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ราคาน้ำมันตกลงไปติดลบในอดีตมาแล้วด้วย
แต่ถ้าเทียบกับทองคำ การเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะชัดเจนมากกว่า โดยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่สูงขึ้น
ดังนั้นในกลุ่มเพื่อนๆ ที่รู้จักนั้น มีบางคนที่ขาดทุนจากการเทรดน้ำมันดิบ แต่แทบจะไม่มีใครขาดทุนจากการเทรดทองคำเลย เพราะทองคำมันเหมือนกับมาตรฐานที่มีมูลค่าคงที่ ราคาทองคำขึ้นลงตามแนวโน้มระยะยาว แต่สำหรับน้ำมันดิบมักจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์และอุปทาน ทำให้ราคาน้ำมันขึ้นลงได้แบบไม่มีขีดจำกัดทั้งขาขึ้นและขาลงเลย และไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
โดยรวมแล้ว สินค้าที่เหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่ก็คือทองคำและเงิน แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ก็ต้องเป็นทองคำ เพราะเงินมีการใช้งานในอุตสาหกรรมเยอะมาก ประมาณ 54.8% ทั่วโลกเลยทีเดียว และยังได้รับผลกระทบจากวงจรทางอุตสาหกรรมได้ง่าย
ทองคำเพียงแค่ต้องให้ความสนใจกับสี่ปัจจัยหลัก คือ อัตราเงินเฟ้อ, อัตราดอกเบี้ย, อารมณ์การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และการซื้อของธนาคารกลาง ส่วนความต้องการทองคำจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมากขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ทองคำมีค่าใช้จ่ายในการถือครองค่อนข้างสูงเพราะปัญหาด้านการเก็บรักษา อีกทั้งทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน ซึ่งยิ่งเพิ่มต้นทุนในการถือครองเข้าไปอีก นอกจากนี้ ทองคำมักจะมีการตอบสนองที่ชัดเจนหลังจากตลาดอเมริกาเปิด เนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายที่มากในช่วงนั้น ถ้าสภาพคล่องไม่ดี ก็จะเกิดปัญหาการค้างราคาหรือสลิปเพจได้ง่าย
ดังนั้น การเทรดทองคำต้องพิจารณาสองปัจจัยหลักคือ :
① ต้นทุนต่ำ นอกจากสเปรดแล้ว ยังต้องค่าธรรมเนียมข้ามคืน
② สลิปเพจน้อย
เช่น ปัจจุบันสเปรดเฉลี่ยของทองคำในอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 2.8-3.2 แต่ของ EBC อยู่ที่ประมาณ 1.8-1.9 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมอย่างมาก
จากค่าธรรมเนียมข้ามคืน สเปรดเฉลี่ยในอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 18-25 ดอลลาร์/ล็อต แต่ของ EBC อยู่ที่ประมาณ 10.23 ดอลลาร์ ซึ่งก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเช่นกัน
ต่อมาคือสลิปเพจ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีการประกาศข้อมูลนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ซึ่งจะทำให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมการเทรดของแพลตฟอร์มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในส่วนของสลิปเพจ แพลตฟอร์ม EBC โดยปกติจะมีสลิปเพจในเชิงบวกประมาณ 0.3 จุด และในช่วง 10 นาที ก่อนและหลังการประกาศข้อมูลนอกภาคเกษตร ก็สามารถทำให้สลิปเพจเกือบเป็นศูนย์ได้ ขณะที่อุตสาหกรรมโดยทั่วไปจะมีสลิปเพจในเชิงบวกประมาณ 0.1 จุด และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นจะมีสลิปเพจในเชิงลบประมาณ 0.1-0.2 จุด ซึ่งสามารถสะท้อนถึงประสบการณ์การเทรดที่ดีกว่าในแพลตฟอร์ม EBC ได้อย่างชัดเจน
3. ดัชนี
ตลาดหุ้นน่าจะเป็นตลาดที่หลายๆ คนเริ่มต้นลองเข้ามาทำการลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้นตัวเดียวสำหรับนักเทรดมือใหม่ยังค่อนข้างยาก คุณต้องผ่านการลองผิดลองถูกจากตลาดจริง ๆ ก่อนถึงจะเริ่มรู้ว่าใครคือตัวนำ หรือรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้ามือเข้ามาควบคุมการเล่นหุ้น เราถึงจะสามารถจับจังหวะได้ดีขึ้น
ดังนั้น สำหรับนักเทรดมือใหม่นั้น แนะนำให้เข้าร่วมตลาดหุ้นด้วยการลงทุนผ่านดัชนีหุ้นก่อน
ดัชนีหุ้นสะท้อนถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั้งหมด แม้ว่าเจ้ามือจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถควบคุมหุ้นจำนวนมากในตลาดได้ ดังนั้นดัชนีหุ้นจึงสามารถสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดทั้งหมด รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศนั้น ๆ ได้ดีกว่า
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเข้าตลาดหุ้น แนะนำให้เริ่มจากการเทรดหุ้นสหรัฐและหุ้นจากตลาดเกิดใหม่ เพราะหุ้นในกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่สูง โดยเฉพาะในบางประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ในขณะที่หุ้นยุโรปนั้นมีการเติบโตที่ค่อนข้างอ่อนแอ จึงไม่แนะนำให้เป็นตัวเลือกอันดับแรกสำหรับนักเทรดมือใหม่
ปัจจุบัน EBC เป็นแพลตฟอร์มที่มีค่าธรรมเนียมการเทรดดัชนีหุ้นต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม โดยหลังจากการปรับปรุงสภาพคล่อง จุดต่างของดัชนีหุ้นยอดนิยมได้ลดลงถึง 85%
โดยรวมแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเทรดนั้น ควรพิจารณาความเสี่ยงและความผันผวนให้รอบคอบ และเริ่มจากการเทรดสินค้าหลัก ๆ ในแต่ละประเภท ในตลาดฟอเร็กซ์ แนะนำให้ลองเทรดคู่เงิน EUR/USD สำหรับสินค้าโภคภัณฑ์ แนะนำให้เทรดทองคำ และสำหรับตลาดหุ้น แนะนำให้เทรดดัชนีหุ้นยอดนิยม
นอกจากนี้ในช่วงเริ่มต้นการเทรดนั้น ความสามารถในการรับความเสี่ยงของเรายังจำกัด ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีความโปร่งใส ต้นทุนต่ำ และมีการกำกับดูแลที่เข้มงวด หากคุณยังกำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ดี EBC ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
Comments
Post a Comment